นายธนวัฒน์ รื่นบันเทิง หัวหน้านักวิเคราะห์หลักทรัพย์ผู้ลงทุนสถาบัน บล.ทิสโก้ เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยไตรมาส 2 จะฟื้นตัวได้บ้าง อย่างน้อยก็จากการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มดีขึ้น โดยได้แรงหนุนจากแรงกระตุ้นจากนโยบายการคลัง หลังจากที่ได้มีการอนุมัติงบประมาณปี 2567 เป็นที่เรียบร้อย
ซึ่งรัฐบาลน่าจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหลาย ๆ อย่างออกมา เมื่อพิจารณาถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการกระตุ้นเศรษฐกิจ มาตรการส่วนใหญ่อาจจะอยู่ในรูปแบบเงินโอนคำพูดจาก เกมสล็อตทดลองเล่น
เนื่องจากทำได้ง่าย รวดเร็ว และมีผลสูงในการกระตุ้นเศรษฐกิจ แม้จะเป็นผลระยะสั้น ๆ ก็ตาม ซึ่งอาจเป็นไปได้หลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็นเงินโอนให้กับกลุ่มเปราะบาง ซึ่งอาจจะเป็นทั้งกลุ่มรายได้น้อยหรือผู้สูงอายุ รวมถึงเกษตรกรผ่านการอุ้มราคาสินค้าเกษตรหรือพักชำระหนี้ หรือเงินโอนให้กับรัฐบาลท้องถิ่น เพื่อปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานในชนบท (คล้ายกับโครงการกองทุนหมู่บ้าน)
และยังไม่รวมถึงมาตรการสำหรับกลุ่มธุรกิจโดยเฉพาะ เช่น มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ และมาตรการภาคอสังหาริมทรัพย์ ที่ก็มีโอกาสถูกนำมาใช้เช่นกัน โดยมองว่ามาตรการเหล่านี้จะช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจกลับมาเติบโตที่ระดับปกติมากขึ้น
ความเสี่ยงที่ต้องจับตาในไตรมาส 2คำพูดจาก สล็อต888
ปัจจัยเสี่ยงที่ต้องจับตามอง หลัก ๆ จากความผันผวนจากปัจจัยทั้งภายในและนอกภายประเทศ หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ยังมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระดับสูง สวนทางกับตลาดที่คาดว่าจะมีการปรับลดดอกเบี้ยลงเร็ว ๆ นี้ ตลาดโลกอาจจะผันผวนกดดันตลาดในประเทศได้
หันกลับมาดูในประเทศแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยอาจจะทรงตัวอยู่ในระดับสูงเช่นกัน หลังคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ยังคงดอกเบี้ยไว้ที่ 2.5% แม้ตลาดจะคาดหวังว่า กนง. จะปรับลดดอกเบี้ยลง เพราะหากดอกเบี้ยยังคงอยู่ในระดับสูง อาจทำให้บริษัทจดทะเบียนมีภาระผูกพันในการชำระดอกเบี้ยที่สูงขึ้นสะท้อนถึงอัตรากำไรของบริษัทที่อาจลดลงจากการปันส่วนของกำไรมาจ่ายดอกเบี้ย ผลที่ตามมาคือ การลงทุนในตลาดอาจน่าดึงดูดน้อยลง และเม็ดเงินไหลออกจากตลาดหุ้นไปสู่ตลาดพันธบัตรเพราะผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้น
ในระยะปานกลาง ตลาดหุ้นไทยยังเผชิญความท้าทายจากปัญหาเชิงโครงสร้าง เช่น ภูมิทัศน์ทางการเมืองที่เปลี่ยนแปลงไป สังคมสูงวัย อัตราส่วนหนี้สินที่สูงทั้งภาคครัวเรือนและภาครัฐที่ลดความสามารถในการใช้จ่าย รวมถึงการแข่งขันที่สูงขึ้นจากคู่แข่งในภูมิภาค และการสูญเสียความสามารถในการแข่งขันในการส่งออก ซึ่งความท้าทายเหล่านี้อาจจำกัดศักยภาพผลผลิตของประเทศไทยและแนวโน้มการเติบโตในระยะกลาง
แนวโน้มการลงทุนในครึ่งปีหลัง
มองข้ามไตรมาส 2 ไป คาดว่าตลาดน่าจะปรับดียิ่งขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 จากนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจต่าง ๆ ที่จะเห็นผลชัดเจนมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการบริโภคในประเทศ รวมถึงแนวโน้มที่ธนาคารแห่งประเทศไทยอาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในช่วงปลายปี คาดว่าหุ้นในกลุ่มค้าปลีกจะเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่น่าจะได้รับผลประโยชน์จากมาตรการของรัฐบาลมากที่สุด จากความเป็นไปได้ว่า รัฐบาลน่าจะกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านนโยบายการแจกเงิน ส่งเสริมให้มีการบริโภคภายในประเทศมากขึ้น และเมื่อมองไปในกลุ่มนี้ คาดว่ากลุ่มสินค้าที่ไม่จำเป็น (อาทิ เสื้อผ้า หรือสินค้าตกแต่งบ้าน) อาจจะเร่งตัวขึ้นได้ดีกว่า เนื่องจากที่ผ่านมายอดขายอ่อนแอมาก (ยอดขายสาขาเดิมยังคงหดตัว)
ขณะที่กลุ่มสินค้าจำเป็น ยอดขายไม่ได้แย่มากนัก (ยอดขายสาขาเดิมยังคงขยายตัวเป็นบวก) เนื่องจากมีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาช่วยบริโภค จึงยังคงคาดการณ์กำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) ของตลาดหุ้นไทยเฉลี่ยที่ 83.5 บาท และ SET Index Target สำหรับปี 2567 ที่ 1,500 จุด ขณะที่อุตสาหกรรมที่โดดเด่นคือ ค้าปลีก ท่องเที่ยว และโรงพยาบาล
ที่มา :setinvestnow
โปรแกรมวอลเลย์บอลหญิงไทย ศึกเนชันส์ ลีก 2024 คืนวันพุธที่ 15 พ.ค. 67
ประกันสังคม-บัตรทอง เช็กสิทธิตรวจสุขภาพ 14 รายการฟรี!
พยากรณ์อากาศล่วงหน้า 17 พ.ค.นี้เริ่มต้นฤดูฝน เตรียมรับมือพายุถล่ม