แนวโน้มเศรษฐกิจจีน ในช่วงที่เหลือของปี 66 คาดว่าจะเติบโตเฉลี่ยได้สูงกว่า 5.0% คาดว่าจะมีมาตรการการเงินการคลัง จากทางการออกมาเพิ่มเติม แต่ยังมีความเสี่ยงจากประเด็นภูมิรัฐศาสตร์ที่ตึงเครียดขึ้น รวมถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ในขณะที่ภาคอสังหาริมทรัพย์จีนอาจจะผ่านจุดต่ำสุดมาแล้วแต่ยังต้องติดตาม
“ศูนย์วิจัยกสิกรไทย” ได้ออกบทวิเคราะห์เศรษฐกิจจีน ระบุว่า หลังจีนยกเลิกนโยบายโควิดเป็นศูนย์และเปิดประเทศ กิจกรรมทางเศรษฐกิจของจีนเริ่มทยอยกลับมาฟื้นตัวได้ต่อเนื่องโดยเฉพาะในภาคบริการที่ไตรมาสแรกของปี 66 ออกมาโตสูงสุดในรอบ 18 เดือนที่ 5.4% ซึ่งเป็นแรงหนุนหลักให้เศรษฐกิจจีนในไตรมาส 1/2566 เติบโตมากกว่าคาดการณ์ที่ 4.5% โดยมีรายละเอียดที่สำคัญต่าง ๆ ดังนี้
การใช้จ่ายครัวเรือนเร่งขึ้นหลังเปิดประเทศแต่ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจในระยะข้างหน้าทำให้ครัวเรือนยังมีการออมในระดับสูง ความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับดีขึ้นต่อเนื่อง (เดือน ก.พคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง. 66 เพิ่มมาอยู่ที่ 94.7 จากในเดือน ธ.ค. 65 ที่ระดับ 88.3) ช่วยหนุนตัวเลขยอดค้าปลีกไตรมาสแรกเติบโตได้ที่ 5.8% เมื่อเทียบรายปี อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาถึงตัวเลขยอดเงินฝากของครัวเรือนในไตรมาสแรกยังคงปรับเพิ่มขึ้นถึง 27% บ่งชี้ว่า ครัวเรือนบางส่วนยังมีความไม่มั่นใจในการนำเงินออกมาใช้จ่าย รวมถึงยังไม่นำกลับไปลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์
การส่งออกของจีนในไตรมาสแรกของปี 2566 ยังขยายตัวเป็นบวกท่ามกลางเศรษฐกิจโลกชะลอตัว โดยสามารถเติบโตได้ที่ 4.8% (สกุลเงินหยวน) ซึ่งเป็นการเร่งตัวแรงในช่วงเดือน มี.ค. 66 หลังจากหดตัวในเดือน ม.ค.-ก.พ. 66 โดยในไตรมาสแรกการส่งออกจากจีนมายัง ASEAN ขยายตัว 28.0% ซึ่งคาดว่าได้รับผลบวกจากข้อตกลงการค้า RCEP ที่มีผลบังคับใช้เมื่อต้นปี 2565 ในขณะที่การส่งออกไปสหรัฐ หดตัวอยู่ที่ -10.4%
แนวโน้มเศรษฐกิจจีนในช่วงที่เหลือของปี 66 คาดว่าจะเติบโตเฉลี่ยได้สูงกว่า 5.0% โดยคาดว่าจะมีมาตรการการเงินการคลังจากทางการออกมาเพิ่มเติม อย่างไรก็ดี ยังมีความเสี่ยงจากประเด็นภูมิรัฐศาสตร์ที่ตึงเครียดขึ้น รวมถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ในขณะที่ภาคอสังหาริมทรัพย์จีน อาจจะผ่านจุดต่ำสุดมาแล้วแต่ยังต้องติดตาม
ในระยะข้างหน้าเศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง โดยเฉพาะในไตรมาสที่ 2/2566 ที่คาดว่ามีโอกาสเติบโตได้มากกว่า 5% เนื่องจากปัจจัยฐานที่ต่ำจากการปิดเมืองในปีก่อน รวมถึงปัจจัยหนุนสำคัญอย่างการบริโภคในประเทศ และมาตรการกระตุ้นทางการเงินผ่านการลดอัตราดอกเบี้ยและมาตรการทางการคลังผ่านการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน
ทั้งนี้ ทิศทางการฟื้นตัวจะเป็นอย่างค่อยเป็นค่อยไป เนื่องจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจะเน้นเป็นการการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรในโครงสร้างพื้นฐานเพื่อให้ส่งผลต่อเนื่องไปยังการจ้างงานและระดับรายได้ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการเติบโตอย่างมีคุณภาพ ที่ทางการจีนได้ระบุไว้ในการประชุมสองสภาเมื่อเดือน มี.ค. 66 ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม เส้นทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนยังเผชิญความเสี่ยงสำคัญอีกหลายด้าน ดังนี้
1.การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกที่ส่งผลกระทบต่อการส่งออกจีน: การส่งออกจีนปีนี้มีแนวโน้มชะลอตัวตามเศรษฐกิจโลก แต่ข้อตกลง RCEP ที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ต้นปี 2565 จะเข้ามาช่วยลดทอนผลกระทบที่เกิดขึ้นได้บางส่วน โดยมีการพัฒนาช่องทางการขนส่งหลายภาคส่วน เช่น เมืองหวยฮั่ว ในหูหนาน ที่พัฒนาการขนส่งทางรถไฟไปลาวและเวียดนาม รวมถึงนครหนานชาง ในมณฑลเจียงซีที่มีการขนส่งทางรถไฟและทางทะเลเพิ่มขึ้นนอกจากนี้ ทางการมีแนวโน้มที่จะส่งเสริมและสนับสนุนการค้าขายในประเทศที่อยู่ในข้อตกลงทางการค้าดังกล่าว
2.ประเด็นภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ยังคาอยู่แม้ว่าจะผ่านจุดต่ำสุดในปีที่แล้วมาแล้ว: แม้ตัวเลขในภาคอสังหาริมทรัพย์ เช่น ยอดขายบ้านใหม่ และยอดกู้เงินของบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จะเริ่มส่งสัญญาณปรับดีขึ้น แต่การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ยังเผชิญการหดตัว อีกทั้งเมื่อมองไประยะข้างหน้ายังเผชิญปัญหาหลายส่วน เช่น รายได้ของบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ยังคงลดลงที่อาจจะนำไปสู่การผิดนัดชำระหนี้ ทั้งนี้ แผนการปฎิรูปหนี้ของบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีการผิดนัดชำระหนี้ส่วนใหญ่ออกมาในรูปแบบการขยายเวลาชำระหนี้ ไม่มีที่มาของกระแสเงินสดที่ยั่งยืน รวมถึงปัญหาเชิงโครงสร้างอย่างจำนวนประชากรที่ลดลง
3.ปัญหาเกี่ยวกับหนี้ของรัฐบาลท้องถิ่น (Local Government Debt) ซึ่งอาจจะเป็นข้อจำกัดในการกระตุ้นเศรษฐกิจของทางการจีน: ปัญหาต่อเนื่องมาจากการชะลอตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยในปี 2566 หนี้รัฐบาลท้องถิ่นอยู่ที่ 5.5 ล้านล้านหยวน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดตั้งแต่ปี 2564 ขณะที่รายได้รัฐบาลท้องถิ่นจากการขายที่ดินปรับลดลง 27% ในช่วงไตรมาสแรกของปี 66
นอกจากนี้ ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่เข้มข้นขึ้นทั้งความสัมพันธ์จีนและไต้หวัน รวมถึงสหรัฐ และจีน ซึ่งอาจจะมีผลต่อบรรยากาศการค้าการลงทุนในระยะข้างหน้าต่อเศรษฐกิจจีน
แม้ว่าเศรษฐกิจจีนไตรมาสแรกของปี 2566 จะออกมาเติบโตมากกว่าตลาดคาดการณ์ แต่อัตราการเติบโตยังคงต่ำกว่าเป้าหมายของภาครัฐที่ 5% จึงคาดว่าในช่วงที่เหลือของปีทางการจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทางส่วนของการเงินและการคลังเข้ามาเพิ่มเติมเพื่อผลักดันให้การบริโภคภายในประเทศเติบโตได้ต่อเนื่อง เพื่อชดเชยการชะลอลงของภาคการส่งออกและภาคอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงให้เป็นไปตามเป้าหมายการเติบโตอย่างมีคุณภาพ โดยเน้นการพึ่งพาภายในประเทศเป็นหลักของจีน ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดการณ์ว่าจีนจะสามารถเติบโตได้เกินกว่าเป้าหมายของภาครัฐโดยจะขยายตัวอยู่ที่ 5.2%.คำพูดจาก สล็อตเว็บตรง